ไผ่ตงลืมแล้งสวนไผ่อริยะ@ระยอง

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เทคนิคการปลูกไผ่ตงลืมแล้งให้มีรายได้ 30,000 บาทต่อเดือน

      เทคนิคการปลูกไผ่ตงลืมแล้งให้มีรายได้ 30,000 บาทต่อเดือน


         หลังจากห่างหายไปนานครับกับการเขียนบทความวันนี้ผมจึงทำวีดีโอเกี่ยวกับการปลูกไผ่ที่ผมได้ทำไว้ครับ


หวังว่าจะมีประโชยน์และเป็นแนวทางให้หลายๆท่านได้ครับผม



ทนัญชัย อริยเกศมงคล
สวนไผ่อริยะ@ระยอง
Line : tapootom
Tel : 086-3572098
https://www.facebook.com/ariyabamboo
http://ไผ่ตงลืมแล้ง.blogspot.com
E-mail : tapoo.tom@gmail.com

วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เริ่มเตรียมกอไผ่ในหน้าฝนเพื่อสร้างรายได้หน้าหนาว

หากท่านที่ปลูกไผ่อยากจะสร้างรายได้ในช่วงหน้าหนาวก็ควรเตรียมการตั้งแต่หน้าฝน




          สำหรับท่านที่ปลูกไผ่ตงลืมแล้ง เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนเราต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับฤดูกาล ก็สามารถที่จะลองนำวิธีการดูแลไผ่ตงลืมแล้งของสวนไผ่อริยะในช่วงหน้าฝนไปทดลองทำตามกันได้ครับผม

1.การตัดแต่งกิ่ง

          ต้องตัดแต่งกิ่งไผ่ตงลืมแล้งก่อนเข้าหน้าฝน ถ้ากิ่งก้านทึบมากเกินไปจะทำให้กิ่งฉีก หักได้ง่าย เพราะน้ำฝนที่เกาะบนใบไผ่ในปริมาณมาก จะมีน้ำหนักมากขึ้นทำให้กิ่งฉีกขาดเสียหาย นอก จากนี้หน้าฝนจะมีพายุและลมแรง ทำให้กิ่งไผ่ตงลืมแล้งฉีกขาดหรือหักได้



2.พื้นที่ปลูก

          สำหรับท่านที่จะปลูกไผ่ตงลืมแล้งในหน้าฝนต้องมั่นใจว่าพื้นที่ปลูกไผ่ตงลืมแล้งไม่มีน้ำท่วมขัง เพราะไม่เช่นนั้นอาจทำให้ไผ่ตงลืมแล้งเกิดอาการรากเน่า ควรจะปรับเนินดินเพื่อไม่ให้น้ำขังบริเวณโคนต้น ถ้าทำเนินดินแล้วต้นไม้ยังได้น้ำมากเกินไปอยู่ ควรจะทำระบบระบายน้ำจากบริเวณรอบโคนต้นไผ่ ให้น้ำไหลออกไปเร็วที่สุด แต่สำหรับท่านที่ปลูกมาเกิน 6 เดือนแล้วก้อสบายใจได้ครับผมเพราะไผ่เราจะทนน้ำท่วมขังได้ดี



3.การกำจัดวัชพืช

          หมั่นกำจัดวัชพืชที่ขึ้นปกคลุมต้นไผ่เป็นประจำ เพราะหน้าฝนวัชพืชจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและขึ้นปกคลุมต้นไผ่ แย่งอาหารและแสงแดด ทำให้ไผ่ตงลืมแล้งอ่อนแอ ตลอดจนเป็นแหล่งสะสม เชื้อราและโรคพืช ถ้าหากปล่อยให้วัชพืชโตเกินไปจะทำให้กำจัดยากและเสียค่าใช้จ่ายสูง

4.การพรวนดิน

          ควรพรวนดินเพื่อให้ดินมีโอกาสแห้งในระดับผิวดินบ้าง และจะทำให้รากต้นไผ่ที่อยู่ในระดับหน้าดินได้รับออกซิเจนเพิ่มขึ้น

5.การให้ปุ๋ย

          ไม่ควรใส่ปุ๋ยมากเกินไป หรือถ้าใส่ต้องรีบพรวนดินเพื่อให้ดินกลบปุ๋ยก่อนที่น้ำฝนจะชะล้างปุ๋ย ให้ไหลไปที่อื่น เพราะถือเป็นการสิ้นเปลือง

6.ข้อแนะนำเพิ่มเติม

           สำหรับต้นไม้ที่ปลูกใหม่ควรค้ำยันให้ดี เพราะ ยังไม่มีรากที่จะยึดเกาะดินพยุงลำต้นได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งลมแรงอาจทำให้ไผ่ตงลืมแล้งโอนเอนไปตามลม ซึ่งจะทำลายระบบรากที่กำลังแตกออก อาจทำให้ต้นไม้ชะงักการเจริญเติบโตได้ รู้อย่างนี้แล้ว ลองนำวิธีที่แนะนำไปดูแลรักษาต้นไม้ในหน้าฝนกันนะครับผม

           จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนะครับผม หากกอไผ่ของเราในช่วงหน้าฝนไม่มีความสมบูรณ์ลำโค่นเอียง หัก รากเน่า วัชพืชเยอะ พอถึงหน้าหนาวผลผลิตที่ควรจะได้จะลดน้อยลงอาจจะทั้งปริมาณและคุณภาพซึ่งก็เป็นสาเหตที่ทำให้รายได้จากการปลูกไผ่ตงลืมแล้งนั้นลดลง ทางตัวผมเองเห็นว่าหากเราสามารถที่จะเตรียมการไว้ได้เสียตั้งแต่เนิ่นๆ จะส่งผลดีให้กับเรามากกว่าครับผม ข้อมูลที่ได้นำเสนอไปนี้เป็นเพียงแค่แนวทางที่สวนผมใช้อยู่นะครับผม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ต่อท่านไม่มากก็น้อยครับผม
ขอบคุณครับ



ทนัญชัย อริยเกศมงคล
สวนไผ่อริยะ@ระยอง
Line : tapootom
Tel : 086-3572098
https://www.facebook.com/ariyabamboo
http://ไผ่ตงลืมแล้ง.blogspot.com
E-mail : tapoo.tom@gmail.com

วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เกษตรกรมือใหม่ได้นับเงินแน่ถ้าไผ่ตงลืมแล้งไม่ขาดน้ำ

 เกษตรกรมือใหม่ได้นับเงินแน่ถ้าไผ่ตงลืมแล้งไม่ขาดน้ำ

 http://www.facebook.com/paiariya


    อย่างที่เราทราบกันดีแล้วครับว่าน้ำนั้นจัดได้ว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับการทำสวนไผ่เลยก็ว่าได้ถึงแม้ว่าไผ่ตงลืมแล้งของเราจะทนแล้งได้ดีและออกหน่อทั้งปีแต่เชื่อเถอะว่าผลผลิตจะต้องน้อยลงไปแน่ๆหากสวนไผ่ตงลืมแล้งของเราขาดน้ำ ดังนั้นการจัดการระบบน้ำในสวนไผ่ของเราจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยเรยทีเดียว ถึงแม้ว่าการจัดการหรือติดตั้งระบบน้ำในสวนไผ่ตงลืมแล้งจะยุ่งยากและอาจจะต้องมีการลงทุนกันบ้าง แต่เชื่อเถอะครับว่าท้ายที่สุดแล้วมันจะคุ้มค่ากับการลงทุน

หลักการเดินระบบน้ำเพื่อการเกษตรภายในสวนไผ่ตงลืมแล้งซึ่งจริงๆ แล้วก็มีหลักการอยู่ไม่กี่อย่าง

    1. การเลือกขนาดปั๊มหรือประเภทของปั๊มนั้นเป็นเฉพาะตัวอย่างหนึ่ง เช่นบางท่านอาจจะเลือกใช้จากเครื่องจักรที่ตัวเองมีอยู่แล้วนำมาดัดแปลง หรือบางท่านอาจจะชอบปั๊มน้ำไฟฟ้าประเภทใดประเภทหนึ่งซึ่งก็ว่ากันไปตามความชอบส่วนบุคคล แต่ที่แน่ๆ ปั๊มน้ำที่นำมาใช้ก็ควรจะมีกำลังพอที่จะเดินระบบน้ำในสวนได้

ปั๊มน้ำในสวนไผ่ตงลืมแล้ง


    2. การเลือกขนาดท่อน้ำสำหรับท่อหลักนั้นก็ควรเป็นขนาดที่ใหญ่และเหมาะสมเพื่อการไหลเวียนของน้ำที่มากและคงสภาพแรงดันไว้ได้อย่างดี เช่นท่อน้ำ PVC ขนาด 3 นิ้วสามารถส่งน้ำได้ประมาณ 30,000 – 35,000 ลิตรต่อชั่วโมง หรือ PVC ขนาด 2 นิ้วสามารถส่งน้ำได้ประมาณ 15,000 – 18,000 ลิตรต่อชั่วโมง ดังนั้นการเลือกขนาดท่อที่เหมาะสมกับขนาดแรงขับของปั๊มน้ำและปริมาณที่ต้องการใช้จึงเป็นอีกหนึ่งความสำคัญที่ต้องใส่ใจ

การวางท่อน้ำ

การวางท่อ PE


    3. การเลือกอุปกรณ์หรือท่อน้ำในการติดตั้งระบบน้ำในสวนไผ่ตงลืมแล้งนั้นก็มีความสำคัญอย่างมากเช่นกันเพราะอุปกรณ์ต่างๆ หรือท่อน้ำนั้นก็มักจะมีราคาแพงดังนั้นการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์หรือท่อน้ำให้ถูกลักษณะจึงเป็นการลดต้นทุนและยืดอายุการใช้งานให้กับระบบน้ำในการเกษตรเช่นกัน ท่อน้ำเพื่อการเกษตรนั้นจะมีหลายราคาหลายคุณภาพสำหรับลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป หากเป็นท่อน้ำสำหรับระบบน้ำเพื่อการเกษตรแบบถาวรหรือระบบน้ำที่มีปั๊มเข้ามาเกี่ยวข้องนั้นผู้เขียนก็อยากจะแนะนำว่าท่อที่สูบน้ำขึ้นมาจากแหล่งน้ำแล้วเชื่อมต่อเข้าสู่ตัวปั๊มน้ำนั้นผู้เขียนแนะนำให้ใช้ท่อน้ำหรืออุปกรณ์ที่มีคุณภาพดีเพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนาน ไม่เสื่อมสลายง่ายหรือชำรุดง่ายเพราะอุปกรณ์ต่างๆ ที่ติดตั้งไว้นั้นมักจะแก้ไขหรือซ่อมแซมได้ยากในกรณีที่เกิดการชำรุด

 http://www.facebook.com/paiariya


    4. การต่อท่อน้ำไปยังพื้นที่ที่ต้องการนั้นควรจะให้มีส่วนงอน้อยที่สุดเพราะความโค้งงอของท่อจะสร้างแรงเสียดทานทำให้ความแรงของน้ำลดลงและทำให้ปั๊มน้ำทำงานหนักขึ้นเช่นกัน

    5. การวางท่อน้ำหลักนั้นต้องดูสภาพพื้นที่เป็นหลัก หากพื้นที่ที่ต้องการวางระบบน้ำในสวนไผ่ตงลืมแล้งนั้นเป็นพื้นที่แบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือใกล้เคียงนั้นก็ควรวางท่อน้ำหลักไว้บริเวณกึ่งกลางส่วนเพื่อให้แรงดันน้ำส่งต่อไปยังท่อย่อยได้อย่างสม่ำเสมอทั้ง 2 ฝั่งแล้วจึงใช้ข้อต่อแบบ 4 ทางแยกสู่ท่อย่อยต่อไป หากพื้นที่ที่ต้องการนั้นเป็นลักษณะแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือลักษณะใกล้เคียงที่มีหน้ากว้างแคบก็อาจจะวางท่อหลักไว้ด้านใดด้านหนึ่งได้ การวางท่อน้ำหลักในลักษณะนี้ก็เพื่อกระจายแรงดันให้ได้ทั่วถึงกัน เพราะหากวางไปด้านใดด้านหนึ่งในขณะที่พื้นที่เป็นแบบลักษณะสี่เหลี่ยมจตุรัสแล้วก็อาจจะทำให้สปริงเกอร์หรือมินิสปริงเกอร์หรืออุปกรณ์กระจายน้ำที่ติดตั้งไว้บริเวณท้ายๆ ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเพราะแรงดันปลายแถวไม่เพียงพอ

    6. หัวสปริงเกอร์หรืออุปกรณ์กระจายน้ำนั้นจะเป็นตัวชี้วัดถึงวัสดุที่จะนำมาเป็นท่อย่อย เพราะหากใช้สปริงเกอร์ตัวใหญ่นั้นท่อย่อยก็ควรจะเป็นท่อน้ำแบบ PVC หรือหากเป็นอุปกรณ์กระจายน้ำแบบมินิสปริงเกอร์หรือหัวน้ำหยดนั้นท่อย่อยก็ควรจะเป็นท่อ PE เพื่อง่ายต่อการใช้งาน



    เรื่องการวางระบบน้ำนี้เป็นเพียงแค่การแนะนำคร่าวๆเพื่อให้พอเห็นเป็นแนวทางในการวางแผนการจัดการระบบน้ำในสวนไผ่ตงลืมแล้งครับผมเพราะเห็นว่าช่วงนี้เป็นช่วงใกล้หน้าฝนกลัวว่าเกษตรกรมือใหม่จะใช้น้ำฝนเป็นตัวช่วยเลี้ยงไผ่พอหมดฝนแล้วจะเตรียมตัวกันไม่ทันครับ





ทนัญชัย อริยเกศมงคล
สวนไผ่อริยะ@ระยอง
Line : tapootom
Tel : 086-3572098
https://www.facebook.com/ariyabamboo
http://ไผ่ตงลืมแล้ง.blogspot.com
E-mail : tapoo.tom@gmail.com

วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

การปรับปรุงดินเพื่อเกษตรกรรมยั่งยืน

การปรับปรุงดินเป็นหัวใจหลักของระบบเกษตรกรรมยั่งยืน 

       
การปรับปรุงดิน
การปรับปรุงดิน




           ถ้าดินมีความสมบูรณ์ผลผลิตที่ได้ก็จะดี มีคุณภาพสูง ต้นทุนการผลิตต่ำ และช่วยให้งานในไร่นาเบาลง หลายคนเข้าใจผิดว่าการทำเกษตรยั่งยืน โดยเฉพาะในรูปแบบเกษตรอินทรีย์หมายถึงการไม่ใช้สารเคมีเท่านั้น แต่ที่จริงแล้วหากดินไม่สมบูรณ์ก็ไม่มีทางจะประสบผลสำเร็จ


           ดินที่ดีคือดินในป่า เพราะมีองค์ประกอบครบทั้ง 3 ประการในการสร้างปุ๋ยธรรมชาติซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นปุ๋ยที่ดีที่สุดในโลก คือ

           1) อินทรีย์วัตถุ โดยมีทั้งใบไม้ กิ่งไม้ต่างๆ ที่ทับถมกัน รวมทั้งมีสัตว์จำพวกแมลง ไส้เดือน มด ปลวก เป็นต้น ที่สามารถย่อยสลายได้
           2) ความชื้น
           3) จุลินทรีย์ ซึ่งจะไปย่อยสลายอินทรีย์วัตถุให้กลายฮิวมัส

           ที่สำคัญการที่ดินในป่ายังไม่ถูกทำลายก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ปุ๋ยธรรมชาติจากป่ามีคุณภาพดีมาก อย่างเช่น ดินในป่าเขาใหญ่ที่ดินเพียงหนึ่งช้อนชามีจุลินทรีย์ถึงหกพันล้านตัว ขณะที่ดินที่เสื่อมสภาพกลับมีจุลินทรีย์ไม่ถึงร้อยล้านตัว ดังนั้น เป้าหมายสำคัญของการปรับปรุงดินของเกษตรกรก็คือ การทำให้ดินในไร่นามีสภาพเป็นเหมือนในป่า

การใส่ปุ๋ยเคมีซึ่งจะส่งผลให้ดินเสียเร็ว
การใส่ปุ๋ยเคมีซึ่งจะส่งผลให้ดินเสียเร็ว


           ขณะที่ดินในปัจจุบันมักถูกทำลายคนทั่วไปมักแก้ไขปัญหาดินเสื่อมด้วยการซื้อปุ๋ยเคมีมาใส่ โดยคิดกันว่าปุ๋ยเคมีเป็นตัวบำรุงดิน แต่ที่จริงแล้วปุ๋ยเคมีส่งผลในการทำลายดินอย่างมาก เนื่องจากปุ๋ยเคมีมีธาตุอาหารไม่เกิน 3 ตัว คือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโปรตัสเซียม ดังเช่นปุ๋ยเคมีที่ใช้กันในแถบ จ.สุพรรณบุรี ก็มีธาตุอาหารเพียงใช้สองตัวเท่านั้น คือ เอ็นกับพีตามสูตร 16-20-0 ขณะที่ธาตุอาหารที่พืชแต่ละชนิดต้องการนั้นมีไม่ต่ำกว่า 18 ชนิด แม้ว่าบางชนิดอย่างเช่นไฮโดรเจนกับออกซิเจนจะมาจากน้ำ มาจากน้ำ คาร์บอนไดออกไซด์มาจากอากาศ ส่วนไนโตรเจนบางส่วนก็มาจากอากาศได้ก็ตาม แต่ธาตุอาหารที่เหลืออีกสิบกว่าชนิดอย่างเช่น แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก ฯลฯ ก็จะต้องถูกพืชดึงเอามาจากดินมากขึ้น กระทั่งในดินไม่เหลือธาตุอาหารอะไรอีกเลย อีกทั้งยังทำให้ดินแข็ง แน่น หรือที่เรียกว่าโครงสร้างดินเสีย ที่สำคัญการใส่ปุ๋ยเคมีไม่เพียงไม่ส่งผลต่อการบำรุงดินจริงแล้ว ยังส่งผลเสียต่อดินโดยตรงด้วย อย่างเช่นปุ๋ยเคมีสูตร 16-20-0 จะให้ไนโตรเจนในรูปของไนเตรท ซึ่งไนเตรทก็คือสารเคมีที่ส่วนมากจะอยู่ในรูปของกรดที่มีผลทำให้ดินเปรี้ยว เมื่อดินเปรี้ยวพืชก็ไม่สามารถดูดอาหารได้ตามเดิมเพราะมีความเปรี้ยวจับไว้ ดังนั้น ไนโตรเจนที่ใส่ไปจึงไม่ถูกใช้ประโยชน์ ส่วนฟอสฟอรัสก็จะอยู่ในรูปฟอสเตรท ซึ่งเป็นกรดเหมือนกัน ใส่ไปยี่สิบกิโลก็ไม่ได้ทั้งหมด และส่งผลให้ดินเป็นกรดมากยิ่งขึ้น หากไม่เป็นกรดก็เป็นเกลือ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ส่งผลทำให้จุลินทรีย์ตายไปเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้น ธาตุอาหารในปุ๋ยเคมีก็จะมีอยู่เพียงประมาณร้อยละ 30 เท่านั้น กล่าวคือ ปุ๋ยเคมี 100 กิโลกรัม จะมีธาตุอาหารอยู่เพียง 36 กิโล อีก 64 กิโลกรัมที่เหลือมักเป็นดินเหนียว

ปุ๋ยเคมีที่เกษตกรนิยมใช้กัน
ปุ๋ยเคมีที่เกษตกรนิยมใช้กัน


           สภาพดินสัมพันธ์โดยตรงกับสภาพสังคม ถ้าดินไม่ดีทุกอย่างก็ไม่ดี สุขภาพไม่ดี สังคมก็เสื่อม คนก็อยู่ไม่ได้ นักวิจัยฝรั่งค้นพบว่า อาณาจักรโรมันในช่วงที่เฟื่องฟูสูงสุดนั้น สภาพดินของเขาดีมาก และความเสื่อมของอาณาจักรก็เกิดขึ้นพร้อมๆ กับความเสื่อมของดิน เราอย่ามองแค่ว่าดินไม่ดีก็แก้ง่ายๆ ด้วยการใส่ปุ๋ย แต่เราจำเป็นต้องเข้าใจระบบของดิน แม้ปัจจุบันจะมีกระแสความนิยมการใช้น้ำหนักชีวภาพหรือน้ำหมักจุลินทรีย์ แต่หัวใจของการบำรุงดินนอกจากจุลินทรีย์แล้ว ต้องมีความชื้นและอินทรีย์วัตถุที่เหมาะสมด้วย ดังนั้นการวิจัยด้านการปรับปรุงบำรุงดินของสมาชิกในโครงการนำร่องเพื่อพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนของเกษตรกรรายย่อยจึงเป็นกระบวนการเรียนรู้เพื่อจะนำมาสู่ปัญญาหรือหนทางในการฟื้นความอุดมสมบูรณ์ของดินให้ได้




ทนัญชัย อริยเกศมงคล
สวนไผ่อริยะ@ระยอง
Line : tapootom
Tel : 086-3572098
https://www.facebook.com/ariyabamboo
http://ไผ่ตงลืมแล้ง.blogspot.com
E-mail : tapoo.tom@gmail.com

วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2557

แนวทางการสร้างรายได้จากการปลูกไผ่

ไม้ไผ่ (Bamboo) ไม้คู่วิถีคนไทย

ไม้ไผ่สารพัดประโยชน์


           ไม้ไผ่ (Bamboo) เป็นไม้ประจำวิถีชีวิตอยู่คู่คนไทยมานาน เมื่อชุมชนไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ใดจะปลูกไม้ไผ่ไว้เป็นรั้วของหมู่บ้าน ต่อมาเมื่อชุมชนขยายใหญ่ขึ้นจะปลูกไผ่ไว้ริมทางหรือริมรั้วบ้านเพื่อใช้สอยเป็นที่อยู่อาศัย ฯล ใช้เป็นอาหาร ไม้ไผ่เป็นไม้โตเร็ว และสามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน เช่น หน่อไผ่ (หน่อไม้)สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิด อาทิ อุหน่อไม้ หมก ซุปหน่อไม้ ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมของคนไทย เมื่อไผ่มีอายุได้ประมาณ 1 ปี สามารถตัดมาทำข้าวหลามได้ เพราะเยื้อไผ่กำลังดีมีประโยชน์

           เมื่อไม้ไผ่อายุได้ 2 ปี ก็สามารถนำมาจักสานเป็นเครื่องใช้ในการจับสัตว์น้ำ ประเภท ลอบ ไซ ฯลฯ เมื่อไผ่มีอายุมากขึ้นก็สามารถนำมาทำประโยชน์อย่างอื่น ๆ ได้ตั้งแต่ทำรั้วบ้าน พื้นบ้าน เรียกอีกอย่างว่า ฟาก (ฟาก หมายถึง การนำไม้ไผ่มาเจาะเอาปล้องออก แล้วตีแผ่ออกใช้ปูเป็นพื้นบ้าน แทนกระดาน เรียกว่า ฟาก) ฝาบ้าน ทำเล้าไก่ เล้าหมู ทำร้านให้ต้นบวบ แตง เป็นต้น

ท่อนไม้ไผ่


           ปัจจุบันสามารถหาไม้ไผ่ได้บ้างตามชนบท และ home stay เพราะนิยมนำไม้ไผ่ไปทำพื้นบ้านฝาบ้าน เนื่องจากราคาถูกหาได้ง่าย และที่สำคัญข้อดีของพื้นบ้านฝาบ้านชนิดนี้คือจะโปร่ง ลมสามารถพัดผ่านได้ตลอด ทำให้เย็นสบายทั้งในฤดูร้อนและฝน แต่อาจจะไม่ดีนักในหน้าหนาวเพราะกันลมไม่ได้ และเวลาเดินเรือนที่ปูด้วยฟาก จะต้องค่อย ๆ เดิน เพราะจะมีเสียงดัง เนื่องจากการขยับตัวของไผ่ แต่ก็เป็นการสอนให้คนไทยมีกิริยามารยาทนุ่มนวลไปโดยปริยาย

เตียงไม้ไผ่


           จะเห็นได้ว่า ไม้ไผ่ สามารถทำประโยชน์ได้หลากหลายมากตั้งแต่งานโครงสร้าง เช่น สร้างบ้าน ไปจนถึงของใช้ในบ้าน เช่น ตะกร้ากระเช้า ภาชนะใส่เครื่องใช้ในครัว อุปกรณ์ตกแต่งต่าง ๆ จนถึงงานละเอียด ๆ เช่น จักสาน เพราะเนื้อไผ่มีความเหนียวสามารถเหลาให้เล็กได้เกือบเท่าเส้นผมทีเดียว และนี้เองคือประโยชน์ของไผ่มีมากมายมหาศาลกันเลยทีเดียว ผมแนะนำว่าถ้าใครมีพื้นที่เหลือในบ้านท่านควรที่จะปลูกไว้ซักกอครับเพราะนอกจากเป็นอาหารและทำเครื่องใช้ไม้สอยได้แล้ว ไม้ไผ่เขายังจะสร้างออกซิเจนให้ท่านได้เป็นอย่างดี มีต้นไผ่กอเดียวในบ้าน บ้านท่านจะร่มเย็นขึ้นมากที่เดียวครับ ไม่เชื่อลองดูครับ

           ปัจจุบันพบว่าการใช้ผลิตภัณฑ์จากไผ่มีน้อยลง เพราะมีผลิตภัณฑ์จากเทคโนโลยี่สมัยใหม่เข้ามาทดแทน ส่วนใหญ่ทำจากพลาสติกที่หาซื้อได้ง่าย ทดทาน แต่ข้อเสียคือย่อยสลายได้ยากกว่า และนี่นับเป็นเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ดังนั้นปัจจุบันจึงได้มีการส่งเสริมและพื้นฟู ให้คนหันกลับมาใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ไผ่ ซึ่งจะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อยางมาก เพราะจากงานวิจัยพบว่า ต้นไผ่เป็นต้นไม้ที่สร้าง O2 ได้มากที่สุดในโลก และยังเป็นการช่วยอนุรักษ์และพื้นฟูภูมิปัญญาท้องถิ่น ช่วยให้คนคืนถิ่นกลับมาทำงาน ณ บ้านเกิดได้อีกมาก ตามที่ได้กล่าวแล้วว่า ไผ่ เป็นไม้โตเร็ว สามารถนำมาประกอบอาหารได้ในขณะที่เป็นหน่อไม้ เมื่อโตขึ้นสามารถนำมาทำผลิตภัณฑ์ ใช้ในครัวเรือน และออกจำหน่ายได้ ชาวบ้านแถบชนบททั่วไป รวมถึงชาวอำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ยังคงใช้ภาชนะสานจากไม้ไผ่อยู่ อาทิ กระบุง ตะกร้า กระด้ง เป็นต้น

บ้านจากไม้ไผ่

บ้านจากไม้ไผ่


           ความนิยมในไม้ไผ่ลดน้อยลงสวนทางกับกระแสจากทางฝั่งตะวันตก ที่ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากไม้ไผ่ กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากฝรั่งต่างชาติเพราะไม้ไผ่เมื่อได้รับการออกแบบอย่างดีจะมีทั้งเสน่ห์ และกลิ่นหอมของไม้ธรรมชาติทำให้น่าใช้น่าสะสม ดังนั้นตอนนี้แม้กระทั่งต่างประเทศเองก็กำลังปลูกเลี้ยงไผ่เป็นไม้เศรษฐกิจจำนวนมากแล้วทำไมคนไทยที่อยู่กับไผ่มาเกือบทั้งชีวิตจึงเพิกเฉยต่อมรดกและวัฒนธรรมท้องถิ่นของตัวเองได้เล่า

                                                                            ***http://treedd.blogspot.co.nz/***




ทนัญชัย อริยเกศมงคล
สวนไผ่อริยะ@ระยอง
Line : tapootom
Tel : 086-3572098
https://www.facebook.com/ariyabamboo
http://ไผ่ตงลืมแล้ง.blogspot.com
E-mail : tapoo.tom@gmail.com

วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2557

ไผ่กิมซุง(ตงลืมแล้ง) อาชีพเสริมโดนใจคืนทุนได้เร็ว

ช่วงเศรษฐกิจแบบนี้คนว่างงานมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 


           หลายคนที่มีงานประจำก็ยังจะหางานเสริม อาชีพเสริมกันอยู่ก็มีมาก เพราะด้วยข้าวของราคาแพงขึ้น (แต่ค่าแรงยังคงต่ำเช่นเดิม) ก็คงไม่แปลกอะไรที่คนมีอาชีพอยู่แล้วอย่างเราๆ จะหันมาหาอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้และวันนี้อาชีพหนึ่งที่น่าสนใจจะมีมาแนะนำนั่นก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจนั่นคือ "การปลูกไผ่กิมซุง(ตงลืมแล้ง)" หลายคนอาจจะคิดว่าแค่ต้นไผ่จะสามารถสร้างรายได้ ได้อย่างไร ต้องขอตอบว่าได้แน่นอน เพราะต้นไผ่สามารถนำมาแปรรูปได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็น หน่อไม้ใช้ประโยชน์ต่อการบริโภคและขาย สร้างที่อยู่อาศัย ทำเครื่องมือเครื่องใช้ในครัวเรือน เช่นตะเกียบ เครื่องดนตรี ของเล่น นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทำเยื่อกระดาษ นำไปเผาทำเป็นถ่าน ใช้ประโยชน์ด้านการดูดกลิ่น หรือนำไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ได้หลากหลายชนิด ใช้ในอุตสาหกรรม จากที่เล่ามาก็จะเห็นได้ว่าไผ่หนึ่งกอเราสามารถใช้ประโยชน์ได้แทบทุกส่วนและคุ้มค่าจริงๆเลย



ไผ่กิมซุง(ตงลืมแล้ง)
ไผ่กิมซุง(ตงลืมแล้ง)
                                   


           เราได้เห็นประโยชน์ของต้นไผ่แล้ว ทีนี่เรามาทำความรู้จักกับเจ้าต้นไผ่กิมซุง(ตงลืมแล้ง)ให้มากขึ้นดีกว่าตอนนี้หลายคนอาจจะกำลังสงสัยว่าทำไมจะต้องเป็นไผ่กิมซุง(ตงลืมแล้ง)  เพราะเป็นไผ่ที่นำเข้ามาจากประเทศจีน เป็นไผ่ที่เจริญเติบโตและให้ผลผลิตเร็วมากอีกทั้งยังดูแลง่ายเมื่อเทียบกับไม้เศรษฐกิจชนิดอื่นอย่างยางพาราหรือยูคาลิปตัส เพราะใช้เวลาปลูกเพียงแค่ 6-8 เดือนก็สามารถเก็บหน่อมารับประทานหรือจำหน่ายได้



           ไผ่กิมซุ่ง(ตงลืมแล้ง) เป็นไผ่กลุ่มหน่อใหญ่ ลำต้นสูง 20 ถึง 25 เมตร ลำมีสีเขียว ปลูกง่าย เจริญเติบโตเร็ว และให้หน่อไม้เมื่อต้นมีอายุ 6-8 เดือน จุดเด่นของไผ่พันธุ์นี้ คือ หน่อไม้ไม่มีขน เปลือกบาง เนื้อหนา น้ำหนักดี รสหวานกรอบ  การไว้ลำไผ่ต่อกอจะไว้เพียง 4-5 ลำเท่านั้น ส่วนการเก็บผลผลิตให้ได้คุณภาพดี ควรเก็บหน่อที่มีความยาวไม่เกิน 40 เซนติเมตร ถ้าใหญ่กว่านี้ หน่อจะแก่เกินไป และมีเสี้ยน ขายไม่ได้ราคา ข้อสำคัญ ระหว่างเก็บผลผลิต ไม่ควรปล่อยให้หน่อเจริญเติบโตเป็นลำไผ่ เพราะอาหารจะไม่ไปเลี้ยงหน่อ ทำให้หน่อไม้ที่เกิดมาใหม่ฝ่อได้

ไผ่กิมซุง(ตงลืมแล้ง)
ไผ่กิมซุง(ตงลืมแล้ง)



ไผ่กิมซุง(ตงลืมแล้ง)
ไผ่กิมซุง(ตงลืมแล้ง)


ไผ่กิมซุง(ตงลืมแล้ง)
ไผ่กิมซุง(ตงลืมแล้ง)


           โดยวิธีการปลูกนั้นไม่ยาก สามารถปลูกได้กับทุกสภาพอากาศ ทุกสภาพดิน เพียงแค่คุณลงทุนซื้อต้นไผ่ ซึ่งราคานั้นไม่แพงมากเฉลี่ยต้นละ 50 ถ้าซื้อมากก็จะยิ่งถูกลง (ส่วนใหญ่ก็จะซื้อมาขยายพันธุ์กันทีละเป็นร้อยๆ ต้น) และเมื่อปลูกได้ตามระยะเวลาที่กำหนด บางเจ้าที่ขายพันธุ์ไผ่มาก็จะขอรับซื้อคืนเลยก็มีซึ่งสามารถขายได้ทุกส่วนของต้น ไม่ว่าจะเป็นหน่อขายเป็นหน่อไม้ ลำไผ่ กิ่งแขนงเอามาตอนเพื่อขายต่อหรือขยายพันธุ์ได้อีก ส่วนราคาที่รับซื้ออยู่ที่ประมาณ 20-30 บาท/ก.ก. เป็นราคาส่งที่ตลาดรับซื้อนะค่ะ ส่วนราคาปลีกแล้วแต่พื้นที่ ถ้าตัดจากต้นอายุ8เดือน การให้ผลผลิตโดยเฉลี่ย30-50ก.ก./ไร่/วัน และที่สำคัญสามารถขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่งหรือปักชำได้ อายุเพียง6-8เดือนท่านก็สามารถขยายพันธุ์เพื่อจำหน่ายได้ ถือเป็นเรื่องง่ายเลยที่มีตลาดมารองรับเสร็จ ไม่ต้องวิ่งหาตลาดระบายของ แถมได้เงินคืนในระยะเวลาอันสั้นไม่ถึงปี........เห็นอย่างนี้แล้วใครที่มองหาอาชีพเสริม อยู่การปลูกไผ่กิมซุงก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการรายได้เสริมครับผม
                                                                                            ***Sanook Women***





ทนัญชัย อริยเกศมงคล
สวนไผ่อริยะ@ระยอง
Line : tapootom
Tel : 086-3572098
https://www.facebook.com/ariyabamboo
http://ไผ่ตงลืมแล้ง.blogspot.com
E-mail : tapoo.tom@gmail.com

วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2557

วิธีแก้อาการโคนลอยของไผ่ตงลืมแล้ง

อาการโคนลอยที่สามารถแก้ไขได้ของไผ่ตงลืมแล้ง




กอไผ่ตงลืมแล้ง
กอไผ่ตงลืมแล้ง

           ถ้าพูดถึงจุดเด่นหรือจุดแข็งของไผ่กิมซุ่ง(ไผ่ตงลืมแล้ง)และอีกหลายๆชื่อของไผ่ชนิดนี้ นั้นก็คือ หน่อดก รสชาติดี ไม่ขมมาก หน้าแล้งก็ออกหน่อ ทนน้ำท่วมขังได้นาน ถึง 3เดือน ฯลฯ แต่ใครจะรู้บ้างไหมว่า ไผ่กิมซุ่ง นี้ก็มีจุดอ่อนหรือจุดด้อย เหมือนกันกับไผ่ตงทั่วๆไป

 เวลาที่เราไปซื้อกิ่งพันธุ์ไผ่กิมซุ่ง เชื่อเหอะ ร้อยทั้งร้อย ผู้ขายมักจะต้องแนะนำและเชียร์สุดใจขาดดิ้น ไผ่กิมซุ่งนี้นะ ปลูกง่ายโตไว ปลูกได้ทุกสภาพพื้นที่ อายุประมาณ 7เดือนเก็บหน่อขายได้ หน่อดก รสชาติหวาน ทำหน่อออกฤดูแล้งราคาดี ตลาดต้องการสูง แค่นี้ก็ตาลุกวาวแล้ว

           ผมเองก็ยังต้องซื้อกิ่งพันธุ์ จำนวนหลายสิบกิ่ง ตามคำแนะ ตามคุณสมบัติที่โฆษณา จากผู้ขาย หลังจากที่ผมปลูกไผ่กิมซุ่งได้ ไม่ถึงเดือน กิ่งไผ่เริ่มมีอาการใบเหลือง และเปลี่ยนไปเป็นใบสีขาว ใบร่วงหล่น หลังจากนั้นผมก็ขุดกิ่งไผ่ขึ้นมาดู ก็พบว่า รากไผ่เน่า ซึ่งในตอนนั้นผมไม่รู้และไม่ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริง

           ดินที่เหมาะสำหรับปลูกไผ่ จริงๆแล้วเราสามารถปลูกไผ่ได้ทุกสภาพพื้นที่ แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงดินที่มีน้ำท่วมถึง และขังเป็นเวลานาน พื้นที่มีการระบายน้ำไม่ดี โดยเฉพาะพื้นที่มีสภาพเป็นดินเหนียว ดังนั้นถ้าเราปลูกในสภาพดินที่อุดมสมบูรณ์ กอไผ่ก็ย่อมที่จะเจริญเติบโตได้ดี ทำให้ไผ่มีหน่อดกและขนาดใหญ่


           เวลาผ่านไปปีกว่าๆ ผมได้เริ่มต้นการขยายกิ่งพันธุ์ไผ่กิมซุ่ง จากไผ่ชุดแรกที่ซื้อมา เริ่มเรียนรู้ สังเกต และลงมือปฏิบัติจริง จึงได้ข้อสรุปเบื้องต้น ถ้าเราจะขยายกิ่งพันธ์เพื่อปลูกบนพื้นที่ของตัวเอง ข้อแนะนำให้ขยายกิ่งพันธุ์โดยวิธีการปักชำกิ่ง ลักษณะกิ่งเป็นรูปตัววาย จะทำให้โตไว มีรากเยอะแตกหน่อเร็ว

           สำหรับปุ๋ยที่จะใส่ให้ไผ่นั้น ถ้าเราสามารถหาปุ๋ยคอก ได้ยิ่งจะดีจะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ทุกวันนี้ปุ๋ยคอกหายากแถมราคาขายเริ่มสูงขึ้น ดังนั้นการผลิตปุ๋ยที่สามารถทำขึ้นเองได้ก็จะเป็นการดี

           ไผ่กิมซุ่งที่มีอายุน้อยกว่าหนึ่งปี ปัญหาที่พบ สามารถแก้ไขได้ง่าย แต่ถ้าไผ่กิมซุ่งที่มีอายุมากกว่าหนึ่งปี ปัญหาที่พบก็จะต้อง แก้ไขตามระยะเวลาของอายุไผ่ ถ้าไปแก้รวบยอดอาจจะแก้ยาก และจะกลายเป็นปัญหาใหญ่เลยก็ได้ เพราะว่าไผ่กิมซุ่งเป็นไผ่ตระกูลของไผ่ตง ดังนั้นปัญหาจึงคล้ายๆกัน




โคนไผ่ตงลืมแล้งที่โคนลอย
โคนไผ่ตงลืมแล้งที่โคนลอย

        
           โคนไผ่ลอย ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อย แต่หลายๆท่านที่ปลูกไผ่กิมซุ่งอาจจะไม่ให้ความสำคัญมากนัก หรือให้ความสำคัญแต่แก้ปัญหาที่ไม่ถูกต้อง เรียกว่ายิ่งแก้ยิ่งเจอ แนวทางที่เหมาะสม นั้นก็คือให้ใช้ฟางหรือหญ้า คลุมที่โคนไผ่ อย่าใช้ดินหรือแกลบดำคลุม เพราะว่าการใช้ดินหรือแกลบดำคลุม จะทำให้บริเวณรอบกอไผ่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อเกิดหน่อใหม่ก็จะงอกลอยขึ้นไปอีก ซึ่งเสี่ยงต่อการล้มของกอไผ่หรือลำไผ่ เมื่อต้องเจอลมพัดแรงๆ

สุมโคนด้วยใบไผ่
สุมโคนด้วยใบไผ่


สุมโคนด้วยใบไผ่
สุมโคนด้วยใบไผ่


สุมโคนด้วยใบไผ่
สุมโคนด้วยใบไผ่



           การตัดแต่งกอไผ่นี้ก็สำคัญเช่นกัน ควรเลือกตัดหน่อที่ชิดลำอื่น และหน่อที่ไม่สมบูรณ์ โดยให้มีลำเพียง 3-4 ลำ/กอ สำหรับไผ่ที่ต้องการผลิตหน่อ และเมื่อหน่อที่เราต้องการไว้เป็นลำนั้นสูงประมาณ 3เมตร เราก็ควรจะตัดยอด เพื่อป้องกันลมพัด

           นี้เป็นบางส่วนของปัญหาที่พบในการปลูกไผ่กิมซุ่ง ดังนั้นถ้าเราลงมือปลูกเอง ดูแลเอง เรียนรู้และศึกษาอย่างใกล้ชิดแล้ว ความรู้ที่เราจะได้นั้นมีค่ายิ่งนัก เป็นความรู้ที่ได้จากประสบการณ์จริง แก้ปัญหาจริง จุดอ่อน จุดแข็ง ของไผ่กิมซุ่ง ย่อมส่งผลต่อความสำเร็จในการปลูกไผ่กิมซุ่งเพื่อผลิตหน่อนั้นเอง

                                                                                      ***ต้นไม้ใบหญ้า***





ทนัญชัย อริยเกศมงคล
สวนไผ่อริยะ@ระยอง
Line : tapootom
Tel : 086-3572098
https://www.facebook.com/ariyabamboo
http://ไผ่ตงลืมแล้ง.blogspot.com
E-mail : tapoo.tom@gmail.com

วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2557

แนวทางการสร้างเงินล้านจากการปลูกไผ่

การทำสวนไผ่แบบมืออาชีพ 




           บรรดาอาชีพที่มาแรงสุดๆในยุคที่ผู้คน ตระหนักถึงการแก้ปัญหาโลกร้อน ก็คือ การปลูกไผ่ ในขั้นตอนที่จะสร้างสวนไผ่ก็จะมี การซื้อ ขาย สร้างรายได้ในทุกๆกิจกรรมของการสร้างสวน การหารายได้จากสวนไผ่ ก็จะมีหลากหลายมุมมองที่มองต่างกันไป แต่ก็จะมี 3 แหล่งรายได้ หลักๆ คือ ขายต้นพันธุ์ ขายลำไผ่ ขายหน่อไม้

1.สวนไผ่ปลูกไผ่เพื่อขายหน่อไม้เป็นหลัก 



         

           จะมีรายได้ดีมากๆ หากเป็นพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำป้อนให้สวนไผ่ที่จะต้องใช้น้ำจำนวนมาก เพื่อทำหน่อออกนอกฤดู หรือ หน้าแล้ง ไม่มีแหล่งน้ำก็จะไม่มีรายได้ พันธุ์ที่ตอบสนองการทำหน่อนอกฤดูได้ดีที่สุด เป็นดาวเด่นคือ ไผ่ บีชียาน่า ที่เรียกกันไปร่วมๆ 20 ชื่อ ทั้งๆที่เป็นพันธุ์เดียวกัน ที่รู้จักกันดีคือ ไผ่กิมซุง ลืมแล้ง ไต้หวัน เขียวเขาสมิง ทองสยาม ตงอินโด หน่อไม้ที่ออกมามากๆช่วงหน้าฝน ราคาจะถูกมากๆจนไม่คุ้มที่จะตัดหน่อ บางพื้นที่ 2-3 บาทต่อกิโลกรัม นี่คือเหตุผลว่า ถ้าสวนไผ่มืออาชีพ หวังขายหน่อ จะต้องมีแหล่งน้ำ เพื่อเลี่ยงไปผลิตหน่อไม้นอกฤดูแทน ซึ่งต้นทุนก็จะมีมากกว่าแน่นอน
อยากจะย้อน เหตุการณ์ที่หลายคนในวงการไผ่ไทย จำไม่ลืม หลายผู้คนยังกล้าๆ กลัวๆ กับการปลูกไผ่แบบมืออาชีพ จากสาเหตุไผ่ตงออกดอกตายเมื่อ ปี 2537-2540 ที่เคยสร้างความเสียหาย ให้กับผู้คน รายได้หายวับไป หลายๆคนมีหนี้สินจากเหตุการณ์นี้ที่ยังต้องใช้คืนสถาบันการเงินยังไม่หมดสิ้น รวมทั้งภาคอุตสาหกรรม อาหารกระป๋องก็ล้มหายตายจากตามไปจากที่ไม่มีวัตถุดิบป้อนโรงงานในจำนวนที่มากพอ ราคาวัตถุดิบหน่อไม้ จากราคา 4-5 บาท ขยับมาที่ 10-15 บาท จากเหตุการณ์เดียวกัน โรงงานหน่อไม้กระป๋องเพื่อส่งออกเป็นหลัก ไม่เคยมีประสบการณ์ว่าราคาวัตถุดิบจะพุ่งขนาดนี้ จนทำให้หลายโรงงานยกเลิกออเดอร์ ทำให้ผู้ซื้อที่ต้องการหน่อไม้กระป๋อง หันไปหาแหล่งใหม่ ได้แก่ จีน เวียดนาม ที่มีต้นทุนต่ำกว่า จากแรงงานที่ราคาถูกกว่า จำนวนวัตถุดิบมากมาย จำนวนโรงงานอาหารกระป๋องในไทยที่มี ร่วมๆ 100 โรงงาน ทั้งเล็ก กลาง ใหญ่ เหลือรอด อยู่ ไม่ถึง 10 โรง ในปัจจุบันที่ยังสามารถผลิต หน่อไม้กระป๋องได้อยู่ ส่วนใหญ่ก็ผลิตเพื่อบริโภคภายในประเทศ ใช้วัตถุดิบหน่อไม้ ไผ่บง ที่มาจากป่า ต้นทุนต่ำจึงเหลือรอดอยู่ได้ แต่ในท่ามกลางกระแส ที่ผู้คนมีความรู้ มีกำลังซื้อ การผลิตหน่อไม้กระป๋องเพื่อป้อนในประเทศ ก็จะมีต้นทุนในการปรับปรุง สถานที่ผลิต ให้ได้ตามระบบความปลอดภัยของอาหารที่นับวันที่จะแรงขึ้นๆ ก็จะทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น รวมทั้ง ปัจจุบัน ไทยเราไผ่มีพันธุ์ไผ่ที่ปลูกแล้ว หน่อออกทั้งปี คนก็จะเลือกบริโภคหน่อสดแทนหน่อไม้กระป๋อง ซึ่งคงทราบว่า ความสด รสชาติ หน่อไม้สดเหนือกว่า ซึ่งก็จะยิ่งทำให้หน่อไม้กระป๋องหายไปอีก หากปลูกเพื่อตัดหน่อ ตลาดใหญ่อีกแหล่งคือ อุตสาหกรรมหน่อไม้กระป๋อง ที่หายไป จึงน่าเป็นห่วงหากมีคนหันมาปลูกกันมาก
         
           ฉะนั้น ผู้ที่ปลูกไผ่ขายหน่อไม้ จะต้องวางแผนผลิตให้ดีๆ หน่อออกตรงกับช่วงหน้าแล้ง แล้วหน้าฝนที่ราคาหน่อไม้ถูกอาจ ไม่ตัดหน่อ หรือ หลายคนที่ปลูกไม่มากอาจแปรรูปเป็นหน่อไม้ดองไว้ก็จะเก็บรายได้ทุกบาททุกสตางค์จากหน่อไม้ได้ ประเด็นที่ ปลูกไผ่เพื่อตัดหน่อขาย กังวลมากๆคือ การเข้ามาของคู่แข่ง ที่นับวันจะมากขึ้นๆ ตัวอย่างหนึ่ง มีหลายสวนส้ม ที่เคยปลูกส้ม แล้วรื้อสวนส้มออกจากปัญหาสารพัด โรค แมลง ที่สะสมกันมานาน สู้ต่อไม่ไหว หันมาปลูกไผ่กัน คนปลูกเดิมๆกลัวว่าถ้ามีปริมาณสวนไผ่มากขึ้น หน่อไม้ราคาจะตกลง ซึ่งก็เป็นตาม อุปสงค์ อุปทาน ของการตลาด อันนี้ก็ต้องยอมรับว่า ท่านที่ทำสวนไผ่ก่อนใคร จะไปห้ามไม่ให้ใครปลูกตามไม่ได้ในประเทศเรา

           อีกอย่างที่จะต้องกล่าวคือ การตัดหน่อไม้ขาย ต้องตัด ทุกๆ 3 วัน จะต้องใช้แรงงานมาก ในวิกฤติแรงงานแบบนี้ สวนไผ่ที่ตัดหน่อ จะมีการปลูกไม่มากเป็นรายย่อยต้องทำด้วยตัวเอง เท่านั้น แต่หากสวนไหน จัดการเรื่องแรงงานเก่งก็จะสามารถผลิตได้ในปริมาณมาก

2. ปลูกไผ่เพื่อขายลำไผ่เป็นหลัก 

         

           สวนไผ่ประเภทนี้ มักเป็นสวนที่ปลูกค่อนข้างมาก อย่างน้อย 20 ไร่ จึงจะสามารถ เลี้ยงตัวได้ รายได้ไม่น้อยหน้ากว่า การปลูกข้าว ยางพารา อ้อย มันสัมปะหลัง ที่มีพื้นที่ปลูกขยายมากอย่างต่อเนื่องจากราคารับซื้อ ผลิตผลที่จูงใจ พืชหลายตัว รัฐช่วยประกันราคา ความเสี่ยงให้ด้วยจึงทำให้มีพื้นที่ปลูกมากขึ้น แต่สวนไผ่มืออาชีพที่หวังขายลำก็เป็นดาวเด่นเพราะไม่มีลำไผ่ในป่าให้ตัดแล้ว ต้องปลูกเท่านั้น ไผ่ที่มักจะมีคนซื้อหาลำไผ่ ไปใช้งานหลากหลาย ก็จะมีดังนี้

ไผ่ค้ำส้ม ลำใย กล้วย ล้อมคอก มะนาว ค้ำมะนาว ไม้ผล มักจะใช้ลำโต ขนาด 1 -3 นิ้ว มักจะใช้ พันธุ์ ไผ่รวก ไผ่เลี้ยง ไผ่ซางนวล ไผ่ซางหม่น ไผ่ซางหลวง ไผ่ด้ามขวาน ไผ่ลำมะลอก ไผ่เขียวขี้มอด ไผ่นกเขา ไผ่ตงศรีปราจีน ไผ่ป่า ไผ่สีสุก

ไผ่ทำเครื่องบนบ้านไม้ไผ่ โครงสร้างบ้านไผ่ ใช้ ไผ่เลี้ยง ไผ่ลำมะลอก ไผ่ตงยักษ์

ไผ่ทำตะเกียบ ไม้จิ้มฟัน ใช้ไผ่ซาง หม่น ซางนวล ซางหลวง ซางป่า ไผ่กิมซุง ไผ่เขียวขี้มอด

ไผ่ทำเฟอร์นิเจอร์ ใช้ไผ่เลี้ยง ไผ่ลำมะลอก ไผ่ตงยักษ์ ไผ่ซาง ไผ่บงยักษ์ ไผ่หก ไผ่ยักษ์

ไผ่เพื่อชีวมวล ใช้ ไผ่กิมซุง ไผ่ตระกูลยักษ์ทั้งหลาย 6 สายพันธุ์

ไผ่ทำกระบอกข้าวหลาม ใช้ ไผ่ป่า ไผ่สีสุก ไผ่ข้าวหลามกาบแดง ไผ่ข้าวหลามหรือ ไผ่เปาะ ไผ่กิมซุงจากกอ อายุ 3 ปีขึ้น

ไผ่ใช้ใบห่อขนม ไผ่หม่าจู

ไผ่ใช้ปักกันคลื่นในทะเล เพื่อปลูกป่าชายเลน ใช้ไผ่ตง ไผ่เขียวขี้มอด ไผ่สีสุก ไผ่ป่า ไผ่กิมซุง

ไผ่ทำอังกะลุง ใช้ไผ่ลาย

ไผ่ลำสวยงามประดับ ไผ่ดำติมอร์ ไผ่ดำอินโด ไผ่ดำตัน ไผ่ทอง ไผ่เงิน ไผ่หยก ไผ่หยกทอง ไผ่ไทยแคนดี้ ไผ่ชมพู ไผ่ด่าง ไผ่ด่างพม่า ไผ่ต้นลายใบด่าง

           ตัวอย่างการรับซื้อลำไผ่ ของ ร้าน ประนอมค้าไม้ไผ่ ปราจีนบุรี ตรงทางขึ้นเขาใหญ่ ฝั่ง ปราจีนบุรี ห่าง วงเวียนศาลนเรศวร 3 กม. โทร 087-1474765

ไผ่เลี้ยง ซื้อ 6 ขนาด
เล็กสุด 4 บาท
เล็ก 7 บาท
กลาง 12 บาท
ใหญ่ เบอร์รอง 16 บาท
ใหญ่ 20 บาท
ใหญ่พิเศษ 25 บาท

ไผ่สีสุก ใหญ่ 35 บาท
รอง 25 บาท
ไผ่รวก ลำเล็ก 3 บาท
กลาง 5 บาท
ใหญ่ 8 บาท
ไผ่ลำมะลอก ใหญ่ 25 บาท
กลาง 15 บาท
เล็ก 8 บาท
ไผ่ตง ตงยักษ์ โต 3 นิ้ว 20 บาท
4 นิ้ว 40 บาท
5 นิ้ว 70 บาท
6 นิ้ว 200 บาท
7 นิ้ว 300 บาท

           ผู้รับซื้อลำไผ่อีกแหล่งที่ซื้อไผ่ ไม้ฟืนทุกชนิด ไปทำ Woodchip ชิบไม้ ชิบไม้ไผ่ ในพื้นที่ ตรง บ้านเนินหอม ทางขึ้นเขาใหญ่ ฝั่งปราจีนบุรี คือ คุณ อี้ด หรือ ไพบูลย์
พานิชตระกูล 086-6668166 รับซื้อ ไผ่เป็นตัน ตันละ 600-700 บาท
ผู้รับซื้อ ลำไผ่ ข้อไม้ไผ่ คุณ รณรงค์ 089-1153545 , 02-6411232 ซื้อ วันละ 50 ตัน ตันละ 1,300-1,500 บาท เข้าโรงงานที่ อ. ท่าเรือ อยุธยา และ อ.พระบาท สระบุรี
ผู้รับซื้ิอลำไผ่ตง ไปปักกันคลื่นในทะเล คุณ ชาญณรงค์ 080-5703192 ( 20 บาทต่อลำ)
086 -0268467 ( 22 บาทต่อลำ)

( ข้อมูลที่ให้มานี้ ขอให้พิจารณาให้ถี่ถ้วน หากมีการติดต่อซื้อขายกัน ผู้เขียนไม่มีส่วนได้เสียกับท่านที่ให้เบอร์ไป เป็นเพียงได้ข้อมูลมา แล้วแจ้งต่อ หากจะติดต่อซื้อขาย ควรต้องแน่ใจในเงื่อนไข การชำระเงินสด)

3.ปลูกเพื่อขายต้นพันธุ์ 


         


           ข้อมูลจากสวนไผ่มืออาชีพที่เขาประเมินการลงทุนไว้ ค้นไปค้นมาเจอพอดีครับ ค่าต้นพันธุ์ผมไม่ได้ปรับ ยังคงตามเดิม เนื่องจากผู้ให้ข้อมูลเป็นสวนไผ่ขนาดใหญ่ มีที่ดิน 1,000 ไร่ ต้นพันธุ์เขารับประกันว่าแท้ จึงขายพันธุ์ได้ราคา แต่ทุกท่านคงทราบว่า ต้นพันธุืไผ่ชนิดนี้ ประมาณ 50 บาท สำหรับสวนไผ่อื่นๆ


การคาดการณ์ผลผลิตและการลงทุน (พื้นที่ 1 ไร่) สวนนี้ขายหน่อครับ

โดยการใช้แรงงานในครัวเรือน

ปีที่ 1 ให้ผลผลิต 500 กิโลกรัม (ราคากิโลกรัมละ 10 บาท)

ปีแรกการลงทุนจะมาก เพราะต้องใช้กิ่งพันธุ์ 100 กิ่ง ต่อ 1 ไร่ กิ่งละ 180 บาท เป็นเงิน 18,000 บาท สร้างระบบน้ำประมาณ 5,000 บาท ต่อไร่ ใช้ปุ๋ย 100 กิโลกรัม (2 กระสอบ) 1,200 บาท ค่ากำจัดศัตรูพืช 500 บาท ต่อไร่ กรณีที่เช่าพื้นที่ 1 ปี ไร่ละ 500 บาท

ปีที่ 2 ให้ผลผลิต 5,000 กิโลกรัม (ราคากิโลกรัมละ 10 บาท)

กรณีเช่าพื้นที่ 1 ปี ไร่ละ 500 บาท ใช้ปุ๋ย 600 กิโลกรัม ต่อไร่ (12 กระสอบ) 7,200 บาท

ปีที่ 3 ให้ผลผลิต 6,000 กิโลกรัม (ราคากิโลกรัมละ 10 บาท)

กรณีเช่าพื้นที่ 1 ปี ไร่ละ 500 บาท ใช้ปุ๋ย 600 กิโลกรัม ต่อไร่ (12 กระสอบ) 7,200 บาท



           ถ้าจะเริ่มทำอะไร ไม่เห็นอนาคต อย่าเพิ่งทำครับ ให้ดูว่าจะเดินไปได้ก่อน เห็นอนาคตก่อนครับค่อยทำ เน้นย้ำอีกที หากจะปลูกเพื่อขายลำที่ว่าดีแน่ แต่ถ้าหาผู้ซื้อไม่เจอ อย่าทำเลยครับ หากผมจะบอกว่า ให้ปลูกมากๆก่อนเดี๋ยวมีคนมาหาซื้อเอง ก็อาจเสี่ยงเกินไปไม่มีอะไรรับประกันเลยครับ
การทำเชิงเศรษฐกิจ หวังเงินมีความเสี่ยงทั้งนั้นครับ ผมเจอเยอะมากๆครับ ในที่เขาปลูกไผ่กันหนาแน่น ที่ปราจีนบุรีหรือจังหวัด ใกล้เคียงเองก็เถอะ ที่คนปลูกไผ่กันหนาแน่น แต่ก็มีคนไม่อยากทำต่อก็มีเยอะนะครับ อาจมองไม่คุ้มก็ได้ อาจมีเหตุผลหลากหลาย ให้ผมมาขุดไผ่เลี้ยง ไผ่หม่าจู ไผ่กิมซุง ไผ่ตง ออกให้ผมฟรีก็มี ขายถูกๆก็มี เพื่อเอาที่ดินที่เคยปลูกไผ่ มาปลูกยาง บางท่านจะทำโรงเห็ด บางท่านจะปลูกบ้าน บางท่านปลูกมันสัมปะหลัง อย่าไปคิดว่า จะปลูกเพื่อมาส่งที่ปราจีนบุรี ไม่คุ้มหรอกครับ ทำไมคนปลูก อ้อย มัน ปาล์ม ยาง ฯลฯ ก็เพราะมองว่ามีที่รับซื้อครับ ขายได้แน่ แต่ปลูกไผ่ในที่นั้นๆอาจขายไม่ได้ก็มีครับ เชื่อไหม ผมมีคนโทรมาปรึกษา อยากขายไผ่เลี้ยง ขายลำ มีปลูกอยู่ภาคอิสาน มี 5 กอ ช่วยหาตลาด หาคนมาซื้อหน่อย ผมคงไม่บอกท่านนะว่า สไตล์แบบนี้จะขายได้ไหม ครับ
                                                                                                                                   **เกษตรพอเพียง**






ทนัญชัย อริยเกศมงคล
สวนไผ่อริยะ@ระยอง
Line : tapootom
Tel : 086-3572098
https://www.facebook.com/ariyabamboo
http://ไผ่ตงลืมแล้ง.blogspot.com
E-mail : tapoo.tom@gmail.com



จะปลูกไผ่ตงลืมแล้งให้รอดตายได้อย่างไร

รู้ไว้ใช่ว่ากล้าไผ่ตงลืมแล้งของคุณอาจฟื้นอีกครั้ง




           การที่จะปลูกไผ่ตงลืมแล้งให้รอดตายหรือเติบใหญ่ จนสามารถสร้างผลผลิตและรายได้ในอนาคตนั้น เป็นเรื่องง่ายๆที่ใครๆก็สามารถจะทำได้ เพียงแต่ต้องเรียนรู้ถึงธรรมชาติของไผ่ชนิดนี้ ก่อนที่จะตัดสินใจลงมือปลูกอย่างจริงจัง

           ไผ่ตงลืมแล้ง เป็นไผ่ที่มีต้นกำเนิดต่างประเทศ ที่นำมาปลูกแล้วสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม ภูมิอากาศของประเทศได้เป็นอย่างดี เป็นไผ่เศรษฐกิจตัวหนึ่ง ที่คนไทยนิยมนำมาปลูกเพื่อการค้า จนสร้างรายได้ให้กับผู้ปลูกไผ่ตงลืมแล้ง ใครที่ปลูกก่อนๆ โดยเฉพาะกิ่งพันธุ์ ซึ่งมีราคาค่อนข้างแพง สร้างกระแสจนต้องแห่ตามกัน คนขายพันธุ์ก็รวยไป


           ปลูกไผ่ตงลืมแล้งรอดบ้างตายบ้าง ปลูก 10 รอด 5 ปลูก 100 ตายไปเสีย 90 เจ้านั้นกิ่งพันธุ์ดี เจ้านี้กิ่งพันธุ์ปลูกแล้วตายหมด เจ้าโน้นไม่รับผิดชอบให้กิ่งพันธุ์ทดแทน ปัญหาเหล่านี้ไม่น่าจะเกิด ถ้าผู้ขายที่มีคุณธรรม ขายกิ่งพันธุ์ที่สมบูรณ์ ผู้ปลูกก็เช่นกัน ควรจะมีความรู้พอสมควร อย่างน้อยก็เรื่องดินที่ปลูก การให้น้ำ การให้ปุ๋ย ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็เรียนรู้กันเอาเอง



           การที่เกษตรกรปลูกไผ่ตงลืมแล้ง แล้วตายหรือไม่โต จุดเริ่มต้นที่เป็นต้นเหตุ ก็คือกิ่งพันธุ์นี้แหละ บางคนบางท่านซื้อกิ่งพันธุ์จากผู้ขายที่ทำกิ่งพันธุ์เก็บไว้นาน จนรากของไผ่ตงลืมแล้งยาวและพันกันอยู่ในถุง ลองยกดูน้ำหนักจะเบาเพราะมีรากเยอะ และเมื่อนำไปปลูกจะเติบโตช้าหรือไม่โตเลย


           และเมื่อปลูกเกิน 60 วันแล้ว ยังไม่มีหน่อแรกให้เห็น สงสัยไว้ก่อน ตาข้างน่าจะแห้งฝ่อไปก่อนแล้ว เมื่อถึงขั้นตอนนี้แล้วอย่าเพิ่งถอนต้นทิ้ง ให้ลองแก้ไขโดยการโน้มกิ่งพันธุ์ให้ติดดินโดยใช้เลื่อย เลื่อยบริเวณกิ่งกลางของข้ออย่าให้ขาดนะ แล้วโน้มข้อที่มีตาข้างที่มีสภาพดีและสมบูรณ์ให้ติดกับพื้นดินแล้วเอาดินกลบ รดน้ำรอไม่เกินสองเดือน จะมีหน่อเล็กๆแทงขึ้นมาให้เห็น


           สภาพของดินและดินที่ปลูก ก็เป็นปัญหาที่พบบ่อย เนื่องจากไผ่ทุกชนิด เมื่อลงปลูกใหม่ๆน้ำจะต้องไม่ท่วมขัง ดินก็ไม่ควรเป็นดินเหนียว การระบายน้ำไม่ดี และสิ่งต่อมาที่ต้องระวัง เมื่อปลูกไผ่แล้วให้รอสัก 1 เดือน ถึงค่อยใส่ปุ๋ย รดน้ำวันเว้นวัน อย่าให้แชะ เท่านี้รับรองไผ่รอดตายแน่…

                                                                                                              *ต้นไม้ใบหญ้า*




ทนัญชัย อริยเกศมงคล
สวนไผ่อริยะ@ระยอง
Line : tapootom
Tel : 086-3572098
https://www.facebook.com/ariyabamboo
http://ไผ่ตงลืมแล้ง.blogspot.com
E-mail : tapoo.tom@gmail.com


วันพุธที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557

อาหารง่ายๆ ซุปเยื่อไผ่อาหารแก้หนาว

หนาวๆแบบนี้ได้เมนูแก้หนาวสักเมนูก้อคงจะดีไม่น้อย


           วันนี้สวนไผ่อริยะของเราจะนำเอาของเบสิคง่ายๆมาทำโชว์ให้พวกพ้องน้องพี่ หิวตอนดึกอีกแว๊วววว เห็นว่าเข้าหน้าหนาวแล้ว เลยเอาซุปร้อนๆมาฝาก ทั้งที่มันก็ไม่เห็นจะหนาวเท่าไหร่ ใครอยากซดอะไรร้อนๆตามมาเลยครับ

ส่วนประกอบมีดังนี้


1.นี่คือฟอสซิลซี่โครงหมูอ่อน หมักและแช่แข็งมาประมาณอาทิตย์นึง แข็งเป๊ก



           ต่อมาก็3เกลอ หลายคนอาจจะงงว่า3เกลอคืออะไร คือ รากผักชี กระเทียม พริกไทย สับละเอียดรวมกันครับ



           วันนี้ผมทำแค่นิดหน่อยเลยใช้ซี่โครงหมูแค่นี้


           อันนี้ไม่ต้องบอกก็คงรู้ เพราะขี้เกียจเคี่ยวน้ำกระดูกครับ



           เยื่อไผ่ล้างสะอาดหั่นท่อน เอาแค่นี้พอ



           เห็ดหอมล้างสะอาดหั่นท้่อน



           เครื่องยาจีนครับ โป้วซะหน่อยครับพี่น้อง



           พริกไทยดำ ได้โอกาสใช้ของเล่นใหม่ เครื่องบดพริกไทยดำไฟฟ้า



           มาเริ่มกันเลยครับ ตั้งน้ำให้เดือดก่อนเลย



           ลงซุปก้อนเลยครับ น้ำเดือดแล้ว



           พอซุปก้อนละลายหมด เอา3เกลอลงเลย



           พอซุปมีกลิ่นหอมดีแล้ว ก็กรองเอาเศษ3เกลอออก เพราะจะเอาน้ำซุปใสๆเท่านั้น



           แต่น..แต๊น...ออกมาสีสวยและใสตามใจคิด ที่สำคัญหอมมาก



           เอาตั้งไฟใหม่ พอร้อนก็เอากระดูกลงเลย



           ทิ้งไว้สัก10นาที ก็ยาจีนลงเลย


           พอลงยาจีนก็หรี่ไฟให้เบาๆแล้วก็ทิ้งไว้15นาที แล้วเอาเห็ดลงเลย


           แล้วก็เอาเยื่อไผ่ลง ทิ้งไว้5นาทีก็OK

หนาวๆแบบนี้ได้เมนูแก้หนาวสักเมนูก้อคงจะดีไม่น้อย

           ตักใส่ชามเลยครับ แล้วก็พริกไทยดำ



           สุดท้ายก็เพิ่มสีสันให้สวยงามด้วยผักชีเป็นอันเสร็จ

"ซุปเยื่อไผ่พร้อมเสริฟแล้วครับ"


เมนูนี้เป็นเมนูที่สามารถทำได้เองที่บ้านครับ ลองเอาไปทำกันดูนะครับผม....^_^
ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก : คุณเชฟกะทะเหล็กห้องก้นครัวพันทิพย์ครับ





ทนัญชัย อริยเกศมงคล
สวนไผ่อริยะ@ระยอง
Line : tapootom
Tel : 086-3572098
https://www.facebook.com/ariyabamboo
http://ไผ่ตงลืมแล้ง.blogspot.com
E-mail : tapoo.tom@gmail.com